ระบบป้องกันฟ้าผ่า (Lightning Protection System)

ระบบป้องกันฟ้าผ่า เป็นปรากฏการณ์ฟ้าผ่าลงสิ่งปลูกสร้าง หรือลงใกล้สิ่งปลูกสร้าง จะเป็นอันตรายต่อผู้คน สิ่งปลูกสร้างเอง และสิ่งของที่อยู่ในภายในรวมทั้งระบบภายในล้มเหลว ความเสียหายและความล้มเหลวอาจขยายไปยังบริเวณโดยรอบสิ่งปลูกสร้างและยังอาจส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมบริเวณนั้น ในหลายทศวรรษที่ผ่านมามีนักวิทยาศาตสร์และวิศวกรจากทั่วโลกได้ศึกษาวิจัยและพัฒนา ระบบมาตรการการป้องกันฟ้าผ่า เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน และเกิดเสถียรภาพในระบบไฟฟ้าและระบบอิเล็กทรอนิกส์ ถือได้ว่าเป็นระบบป้องกันฟ้าผ่าที่มีมาตรการการป้องกันในทุกด้านอย่างครบวงจร

ระบบป้องกันฟ้าผ่า บริษัท ซันเทค เทคโนโลยี จำกัด ประกอบด้วย
ระบบสายล่อฟ้า (Lightning Protection System)
ระบบป้องกันไฟกระชาก (Surge Protection System)
ระบบแจ้งเตือนฟ้าผ่า (Lightning Warning System)
ระบบสายดิน (Grounding System)

พร้อมให้บริการออกแบบ ติดตั้ง บำรุงรักษา หัวล่อฟ้าและอุปกรณ์ระบบป้องกันอันตรายที่เกิดจากฟ้าผ่า ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย มีคุณภาพ และมีมาตรฐานรับรองจากต่างประเทศ ในราคาเหมาะสม พร้อมรับกรมธรรม์ประกันภัยวงเงิน 10 ถึง 50 ล้านบาท


ระบบสายล่อฟ้า หรือ ระบบป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า (Lightning Protection System)

ระบบสายล่อฟ้า หรือ ระบบป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า (Lightning Protection System : LPS) เป็นระบบที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยลดความเสียหาย จากเหตุการณ์ฟ้าผ่าที่อาจเกิดกับโครงสร้างของอาคาร รวมไปถึงชีวิตและทรัพย์สินที่อยู่ภายในและบริเวณโดยรอบอาคารนั้นๆ หากไม่ได้มีการติดตั้งระบบป้องกันฟ้าผ่าให้เป็นไปตามมาตรฐานหรือขาดการตรวจสอบบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายจากปรากฏการณ์ฟ้าผ่าได้
ระบบป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าที่มีมาตรฐานรองรับจะมี 2 แบบ ดังนี้
1.ระบบป้องกันฟ้าผ่าแบบ Faraday Cage (แบบฟาราเดย์) มาตรฐานที่รองรับ วสท. IEC 62305, NFPA 780
2.ระบบป้องกันฟ้าแบบ Early Streamer Emission (ESE) มาตรฐานที่รองรับ NFC17-102

หัวล่อฟ้า LPI แบบ Early Streamer Emission (ESE) และ Conventional มีมาตรฐานต่างๆ เช่น NFC17-102, IEC 62305, IEC 62561 และ AS/NZS 1768 ได้รับการทดสอบใน High Voltage Laboratory พร้อมทั้ง Certificate และ Test Report ตามมาตรฐานต่างๆ ภายหลังการติดตั้ง "สายล่อฟ้า" สามารถตรวจเช็คการทำงานของอุปกรณ์ได้จาก ESE Stormaster Tester และ Lighting Counter Tester ของ LPI เช่นเดียวกัน

เพื่อความมั่นใจให้กับทางลูกค้า ทางบริษัทยินดีมอบกรมธรรม์ประกันภัยให้กับทุกๆ โครงการที่ได้รับการติดตั้งระบบป้องกันฟ้าผ่าในวงเงิน 10-50 ล้านบาท

ระบบแจ้งเตือนฟ้าผ่า (Lightning Warning System)

ระบบแจ้งเตือนฟ้าผ่า เหมาะสำหรับใช้เตือนภัยให้ผู้ที่อยู่ในที่โล่งแจ้งรับทราบ ในกรณีที่พื้นที่นั้นๆมีโอกาสเกิดฟ้าผ่าในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เพื่อจะได้มีเวลาในการเคลื่อนย้ายเข้าไปยังจุดที่ปลอดภัย ระบบสามารถตรวจจับประจุฟ้าผ่าครอบคลุมพื้นที่ได้ในระยะไกลถึง 25 กิโลเมตร โดยจะมีสัญญาณเตือนขั้นต้นก่อนเมื่อประจุเคลื่อนเข้ามาในระยะ 10-25 กิโลเมตร ในกรณีที่ประจุเคลื่อนเข้ามาในระยะ 8-10 กิโลเมตร และมีค่าประจุเพิ่มมากขึ้น ระบบจะแจ้งเตือนออกไซเรนเพื่อให้ผู้ที่อยู่ภายในบริเวณตรวจจับ มีเวลาในการเคลื่อนย้ายเข้าไปยังจุดที่ปลอดภัยได้

โดยสามารถติดตั้งได้ในพื้นที่หลากหลาย อาทิ เช่น
• สนามกอล์ฟ
• เหมืองแร่
• หน่วยงานก่อสร้าง
• สนามบิน
• ท่าเรือ
• โรงไฟฟ้า
• สวนสนุก

 

ระบบป้องกันไฟกระชาก หรือ ระบบป้องกันเสิร์จ (Surge Protection System)

เมื่อเกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่าลงโครงสร้างอาคารหรือสายตัวนำ และฟ้าผ่าลงใกล้เคียงอาคารหรือสายตัวนำ ผลของกระแสและแรงดันฟ้าผ่าจะเหนี่ยวนำเข้าสู่สายตัวนำไฟฟ้าหรือสายตัวนำสัญญาณ ทำให้มีให้มีแรงดันเกินเข้าไปยังระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ได้รับความเสียหาย หรือแม้กระทั่งแรงดันเกินที่เกิดจากระบบไฟฟ้า เช่น การเกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร, การตัดต่อวงจรของระบบไฟฟ้า สามารถส่งผลให้อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ได้รับความเสียหายเช่นกัน เพื่อป้องกันความเสียหายดังกล่าวจึงต้องมีการออกแบบระบบป้องกันไฟกระโชก ไฟกระชาก หรือ เสิร์จ และเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันเสิร์จ (Surge Protective Device : SPD) ที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล

อุปกรณ์ป้องกันไฟกระโชก ไฟกระชาก หรือ เสิร์จ ตามมาตรฐานแบ่งเป็น 3 Class ดังนี้
SPD Class I สามารถรองรับกระแสฟ้าผ่ารูปคลื่น 10/350 µs และ 8/20 µs
SPD Class II สามารถรองรับกระแสฟ้าผ่ารูปคลื่น 8/20 µs
SPD Class III สามารถรองรับกระแสและแรงดันฟ้าผ่ารูปคลื่น 8/20 µs และ1.2/50 µs

อุปกรณ์ป้องกันไฟกระโชก ไฟกระชาก หรือ เสิร์จ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. อุปกรณ์ป้องกันเสิร์จสำหรับสายจ่ายไฟ (Power Line Surge Protective Device)
2. อุปกรณ์ป้องกันเสิร์จสำหรับสายสัญญาณ (Data Line Surge Protective Device)

อุปกรณ์ป้องกันไฟกระโชก ไฟกระชาก หรือ เสิร์จ LPI สามารถประยุกต์ใช้ได้ตามมาตรฐาน วสท. IEC และ IEEE และได้รับการทดสอบตามมาตราฐาน IEC 61643 และ UL 1449 พร้อมทั้งผลการทดสอบและ Certificate รับรอง

ระบบสายดิน หรือ ระบบต่อลงดิน (Grounding System)

การต่อลงดินเป็นเรื่องสำคัญสำหรับระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ วัตถุประสงค์ของการต่อลงดินและการต่อประสาน คือ เพื่อความปลอดภัย (Safety) และความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) อุปกรณ์ต่อลงดิน สายกราวด์ หรือ สายดิน สามารถเลือกใช้วัสดุได้หลากหลาย นอกจากการเลือกใช้อุปกรณ์ต่อลงดินที่ได้มาตรฐานแล้ว ต้องเลือกใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสมกับสภาพของดินด้วย เพื่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของระบบ และทางบริษัทยังมีบริการออกแบบ ติดตั้ง บำรุงรักษา และตรวจวัดความต้านทานดินและความต้านทานจำเพาะของดิน เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับการออกแบบ

สิ่งที่ควรนึงถึงเพื่อระบบสายดินที่ดี
• สายดินต้องมีความต่อเนื่องทางไฟฟ้าได้ดี และมีค่าความต้านทานดินที่ต่ำตามมาตรฐาน
• กราวด์หรอด (Ground Rod) ที่ได้มาตรฐาน เพื่อการนำไฟฟ้าที่ดีและทนต่อการกัดกร่อนได้ดี
• สายตัวนำในดินควรเชื่อมต่อแบบ Permanent connection โดยใช้วิธี Exothermic welding หรือ Welding หรือ Compression กรณีเชื่อมต่อด้วยวิธี Clamping ควรมีมาตรการป้องกันการกัดกร่อนเพิ่มเติม
• มีขนาดของสายดินเพียงพอสำหรับการนำกระแสลัดวงจร ทุกชนิดที่อาจเกิดขึ้นในระบบได้อย่างปลอดภัย
• มีอิมพีแดนซ์ต่ำเพียงพอที่จะจำกัดแรงดันไฟฟ้า วัดเทียบกับดินไม่ให้สูงเกินไป และช่วยให้เครื่องป้องกันกระแสเกินในวงจรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ต้องมีมาตรการป้องกันการกัดกร่อนที่เกิดจากการเชื่อมต่อวัสดุอุปกรณ์ที่ต่างชนิดกัน

อุปกรณ์ต่อลงดิน (สายดิน) LPI สามารถประยุกต์ใช้ในงานออกแบบตามมาตรฐาน วสท. IEC, BS EN, NEC และ IEEE โดยมีคุณสมบัติต่างๆ เป็นไปตามาตรฐาน IEC 62561 และ UL 467 พร้อมทั้งผลการทดสอบและ Certificate รับรอง

logo